โครเอเชีย (4-3-3) : โดมินิค ลิวาโควิช (ดินาโม ซาเกร็บ) - โยซิป ยูราโนวิช (เซลติก), เดยัน ลอฟเรน (เซนิต), โยซิป ซูตาโล่ (ดินาโม ซาเกร็บ), บอร์น่า โซซ่า (สตุตการ์ท) - คริสเตียน ยาคิช (แฟร้งค์เฟิร์ต), ลูก้า โมดริช (เรอัล มาดริด), มาเตโอ โควาซิช (เชลซี) - นิโกลา วลาซิช (โตริโน่), อันเดรย์ ครามาริช (ฮอฟเฟนไฮม์), อิวาน เปริซิช (สเปอร์ส)

โมร็อกโก (4-3-3) : ยาสซีน บูนู (เซบีญ่า) - อาชราฟ ฮาคิมี่ (เปแอสเช), อาชราฟ ดารี่ (แบรสต์), จาวาด เอล ยามิค (บายาโดลิด), ยาเฮีย อัตติยัต อัลลาห์ (วีดัด เอซี) - อัซเซดีน อูนาฮี (อองเช่ร์), โซฟียาน อัมราบัต (ฟิออเรนติน่า), เซลิม อมาลลาห์ (สตองดาร์ ลีแอช) - ฮาคิม ซิเย็ค (เชลซี), ยุสเซฟ เอ็นเนซีรี่ (เซบีญ่า), โซฟียาน บูฟาล (อองเช่ร์)

ทรรศนะ
          เข้ารอบตัดเชือกมาแบบยิงยากทั้งคู่ แต่ยังมองภาษี "ตราหมากรุก" โครเอเชีย ดีกว่า จากตัวผู้เล่นและประสบการณ์ แม้ชุดนี้แกร่งน้อยกว่าชุดรองแชมป์บอลโลกปี 2018 โดยเฉพาะกองหน้าที่แอบทื่อ จนชวนคิดถึงยอดนักเตะ มาริโอ มานด์ซูคิช ที่คอยปั่นป่วนคู่แข่งได้แบบแสบๆก็เถอะ เพราะดูฝั่ง "สิงโตแอตลาส" โมร็อกโก ก็ไม่เฉียบคมนัก แถมแนวรับอันเป็นจุดเด่นยังมามีปัญหาอีก 3 จาก 4 แผงแบ็คโฟร์อย่าง ซาอิสส์, นาเกิร์ดและมาซราอุย ลงเล่นไม่ได้ น่าห่วงนายประตูบูนูจะงานชุก ถึงเวลานั้นโครเอเชียน่าจะเข้าวินไปได้

โครเอเชีย เบียดเข้าวิน
สกอร์ที่คาด โครเอเชีย ชนะ 1-0