นิวคาสเซิ่ล : เมื่อหนีตาย แค่เส้นด้ายบางๆ!!
กาลเวลาและการเปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่าของคู่กัน
ในโลกฟุตบอลก็เช่นกัน หลายๆทีมที่เคยโด่งดัง เคยมีผลงานที่ยอดเยี่ยม เคยมีช่วงเวลาดีๆ ก็ล้วนหนีไม่พ้น
และอีกชื่อที่ถึงเวลาสั่นคลอน ก็คือ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล
แม้พวกเขาจะมีประวัติศาสตร์ มีชื่อเสียง เพราะตั้งแต่ยุคที่เควิน คีแกน พาทีมขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกในปี 1993/94 พวกเขามีดีพอลุ้นแชมป์ลีก และมีดีพอเกาะหัวตารางได้ต่อเนื่อง
แต่พอหมดยุคดาวยิงพระกาฬ อลัน เชียร์เรอร์ (2005/06) พวกเขาก็เริ่มตกต่ำ
3 ฤดูกาลถัดมา พวกเขาไม่ติด Top 3 แถมปี 2008/09 อยู่อันดับ 18 ของตาราง ก็ตกชั้นสิครับ!!
นักเตะในแคมป์นอกจากจะย้ายออก ยังมีการวิจารณ์ถึงทีมเก่าอย่างนิวคาสเซิ่ลเนืองๆด้วย
แต่ก็โอเค!! เพราะพวกเขาหลังจากใช้เวลาปีเดียว ขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกสำเร็จในฤดูกาล 2010/11
ก่อนมาพลุแตกในฤดูกาล 2011/12 ด้วยอันดับ 5 แบบชวดตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกนิดเดียวเท่านั้น
พร้อมกับชุดผู้เล่นฝีเท้าดีๆอย่าง ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่, ทิม ครูล, โฆเซ่ เอ็นริเก้, โยอาน กาบาย, แดนนี่ ซิมป์สัน, โฮนาส กูเตียเรซ, ชีค ติโอเต้, ปาปิส ซิสเซ่ หรือ เดมบ้า บา
ซึ่งดูท่าจะไปได้สวย ดูมีอนาคต แต่กลับกลายเป็นว่านิวคาสเซิ่ลรักษาระดับไว้ไม่ได้
4 ฤดูกาลต่อมา จบอันดับครึ่งตารางล่างแทบทั้งหมด จนสุดท้ายต้องช็อคครั้งที่ 2 ด้วยการตกชั้นไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพอีก ในฤดูกาล 2016/17
แม้จะเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งในเวลา 1 ปีตามสไตล์ แต่คราวนี้นิวคาสเซิ่ลแทบห่างไกลจากความหวังการเป็นยอดทีม
เมื่อเตะพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปี 2017/18 จนถึง 2019/20 ไม่มีปีไหนเลยที่นิวคาสเซิ่ลได้อันดับเลขตัวเดียว
และปีปัจจุบันคือ 2020/21 นิวคาสเซิ่ลมีสิทธิ์ซ้ำรอยจะตกชั้นอีก โดยอยู่ลำดับที่ 17 มีแต้มห่างจากโซนอันตราย(18 - ฟูแล่ม) แค่ 2 แต้ม แม้จะยังเหลือเวลาอีก 9 เกมให้แก้ตัว
ทว่ากุนซือนิวคาสเซิ่ล สตีฟ บรูซ นอกจากจะเป็นกุนซือที่คุ้นเคยแค่ “เลื่อนชั้น” กับ “หล่นชั้น” มาตลอด แต่ทรงบอล ณ เวลานี้ก็น่าส่ายหน้าเหลือเกิน
แถมเส้นทางข้างหน้าของนิวคาสเซิ่ล หนักหนาสาหัสระดับ สเปอร์ส, เวสต์แฮม, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, เลสเตอร์ ซิตี้ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ยิ่งเทียบคิวเตะกับชาวบ้านอื่นๆที่หนีตกชั้นด้วย นิวคาสเซิ่ลถือว่ามีคิวเตะที่ลำบากที่สุด
ไบรท์ตัน(16) เป็นทีมที่มีคิวเตะที่ยากพอๆกับนิวคาสเซิ่ล แต่สิ่งที่ไบรท์ตันดีกว่า คือแต้มพวกเขามากกว่านิวคาสเซิ่ล 4 แต้ม
และแมตช์ที่เป็น “ตัวแปรสำคัญ” คือแมตช์ที่ไบรท์ตัน ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-0 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2564
ดูเผินๆ 4 แต้มเหมือนจะไม่เยอะ แต่สำหรับนิวคาสเซิ่ลกับคิวเตะแบบนี้ ไอ้ฉิบหอย!! โคตรยาก
ขณะที่ฟูแล่ม(18) ถือว่าโปรแกรมหนัก แต่ก็ยังดีกว่านิวคาสเซิ่ลอยู่เล็กน้อย
แถมฟูแล่มได้โอกาสในบ้านตัวเอง รับมือกับนิวคาสเซิ่ลนัดปิดท้ายฤดูกาลอีก แน่นอนว่าถ้าระยะห่างไม่มากพอ ก็นัดชี้ชะตาดีๆนี่เอง
นิวคาสเซิ่ลจะรอดหรือไม่รอด นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องคือตราบใดที่พวกเขายังเลือกตีคู่อยู่กับความเสี่ยงแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
แม้ขึ้นชื่อว่าใหญ่คับแก้วเกินกว่าจะอยู่แชมเปี้ยนชิพ ลงไปเล่นยังไง!! ก็ต้องสดใสดิเห้ย!!
แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือโลกฟุตบอลมันไม่เคยมีอะไรแน่นอน และอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เพราะหากจับพลัดจับผลูที่นิวคาสเซิ่ลไม่สามารถเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในระยะเวลา 1 ปีเช่นที่ผ่านมา
เมื่อนั้นสถานะนิวคาสเซิ่ลอาจเปลี่ยนแปลงไปแบบไม่คาดคิด ทั้งที่จริงแล้ว นิวคาสเซิ่ลพร้อมทุกอย่าง ทั้งแฟนบอล ทั้งประวัติศาสตร์ รวมถึงโครงสร้างที่ดูเอื้อให้เดินต่อไปข้างหน้าแท้ๆเชียว
|