แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจ๋า!! : หนีข้า(UCL)ทำไม

 
ในศึก UCL รอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่ม A) เมื่อคราเห็นรายชื่อ บาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, กาลาตาซาราย และ โคเปนเฮเก้น

เชื่อเถอะ 100% ในซีรีบรัมของมนุษย์คือ "หวานเจี๊ยบ" บาเยิร์นฯกับแมนฯยูแน่ๆ

อารมณ์เหมือนของมันต้องได้ ส่วนจะที่ 1 ที่ 2 ไปแบ่งๆเอาเองละกัน

คือโคเปนเฮเก้นต้องตัดชื่อทิ้งก่อนเพื่อนเลย เพราะเกรดบอลนอกจากห่างชั้นแบบฟ้ากับเหวแล้ว

พวกเขามีดีแค่ในรังเท่านั้น เข้าใจว่า!!ผู้มาเยือนแกร่งจากลีกไหนก็ต้องเหนื่อย เมื่อมาที่เดนมาร์ก

แต่วงเล็บว่า "ความดุของโคเปนเฮเก้นดีที่สุดแค่ยื้อ" พวกเขาคว้าผลเสมอได้ หยุดแพ้ได้ แต่ไม่ดุถึงขั้นพลิกโค่นทีมจาก 5 ลีกดัง

ส่วนเยือนคือทีมแจกชั้นดี ยิ่งถ้าเยือนทีม 5 ลีกดังอีกคือจบเลย ย้อนไปไม่ต้องเยอะมาก เอาแค่ปี 2012 เป็นต้นมาละกัน

แพ้ลีลล์ แพ้เรอัล มาดริด แพ้ยูเวนตุส แพ้เลเวอร์คูเซ่น แพ้เลสเตอร์ฯ แพ้ดอร์ทมุนด์ แพ้แมนฯซิตี้ แพ้เซบีญ่า ฮื้มมม!!ขี้เกียจจะท่อง!!

ส่วน กาลาตาซาราย ทีมนี้ดูมีชื่อมีชั้น แต่ท่าดีทีเหลวจนกลายเป็น DNA ติดตัวไปซะแล้ว

ตั้งแต่ยุคหลังๆเริ่มขาดตอนกับการเล่น UCL แบบมาบ้างไม่มาบ้าง ตกรอบคัดเลือกก็มี

หรือถ้าได้เตะรอบแบ่งกลุ่มก็จะตกรอบแบบลุ้นไม่ขึ้น

ในปี 2021/22 แพ้รอบคัดเลือกให้พีเอสวี เหย้าเยือน 1-2 และ 1-5 ตามลำดับ

ในปี 2019/20 เป็นบ๊วยกลุ่ม A ยกตั๋ว UEL (ที่ 3) ให้เป็นของคลับ บรูซด้วยซ้ำ

ในปี 2018/19 ได้ที่ 3 ในกลุ่ม D ห่างที่ 2 (ชาลเก้) ไกลถึง 7 แต้ม

ในปี 2015/16 ได้ที่ 3 ในกลุ่ม C เหนือกว่าบ๊วยกลุ่มอย่างแอสตาน่าแค่แต้มเดียว ซึ่งตอนดวลแอสตาน่า 2 เลก ผลคือเสมอ 2-2 (เยือน) และ 1-1 (เหย้า) เพื่ออออ!?

ในปี 2014/15 เป็นบ๊วยกลุ่ม D ยกตั๋ว UEL (ที่ 3) ให้อันเดอร์เลชท์

ปีนี้ต่อให้ผู้เล่นชั้นยอดในมือเพียบแหละ ไม่ว่าจะ เมาโร อีการ์ดี้, วิลฟรีด ซาฮา, ดรีส์ เมอร์เท่นส์, ลูคัส ตอร์ไรร่า, ฮาคิม ซีเย็ค, ต็องกี เอ็นดอมเบเล่, เคเรม เดมีร์เบย์, อังเคลินโญ่, เดวินซอน ซานเชซ ฯลฯ

แต่ DNA ท่าดีทีเหลวยังเหมือนเดิม ประเดิมสนามทำได้แค่เปิดบ้านเสมอโคเปนเฮเก้น 2-2 แบบเกือบแพ้ เพราะโดนนำ 0-2

ตีเสมอมาได้เพราะโคเปนเฮเก้นโดนใบแดงนาที 73 หรอก!! จึงสบช่องให้กาลาตาซารายยิงตีเสมอ 2 ลูกรวดนาที 86 กับ 88

สรุปคือทรงของทั้งกาลาตาซารายและโคเปนเฮเก้น ต่างก็มีข้อจำกัดมีเพดาน ไม่น่าสร้างปัญหาการชิง 2 อันดับแรกกลุ่ม A ให้แมนฯยูได้ด้วยซ้ำ

ซึ่งจริงๆแล้วการเข้ารอบต่อไปของแมนฯยูไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย คือคู่แข่งแบบบาเยิร์นฯให้ปล่อยไป ผลลัพท์จะดีร้ายค่อยไปวัดกันหน้างาน ณ วันนั้น ถึงจะต้องเป็นฝ่ายแพ้เรียบทั้ง 2 นัดเหย้าเยือน

ทว่าเมื่อคุณโกยแต้มงามๆจากกาลาตาซารายและโคเปนเฮเก้นมาเต็มๆ ยังไงก็เข้ารอบ

ดังนั้นแมนฯยูแค่โฟกัสเน้นๆกับ 2 ทีมจากตุรกีและเดนมาร์กก็พอแล้วคือ "ห้ามพลาด"

แต่แมนฯยูทำอะไรเอ่ย!? ผลลัพท์กับกาลาตาซาราย แพ้(เหย้า) 2-3 เสมอ(เยือน) 2-2 และ โคเปนเฮเก้น ชนะ(เหย้า) 1-0 แพ้(เยือน) 3-4

แล้วน่าเจ็บใจคือนัดที่แมนฯยูแพ้ จุดเปลี่ยนคือใบแดงล้วน ไอ้แมตช์แพ้กาลาตาซารายไม่เท่าไหร่ โอเค!!นายประตู อังเดร โอนาน่าออกบอลพลาด

ร้อนถึงกลางรับ กาเซมิโร่ ต้องโถมเข้ามาตัดบอล สุดท้ายโดนใบเหลืองที่ 2 แบบเข้าใจได้!!

แต่แมตช์แพ้โคเปนเฮเก้นนี่แบบ!! บอลนำอยู่ 2-0 มันจำเป็นไหม!!ที่มาร์คัส แรชฟอร์ด(รุก)ควรเปิดปุ่มย่ำข้อเท้าคู่แข่ง จนโดนใบแดงตั้งแต่นาทีที่ 42

แล้วประเด็นคือแรชฟอร์ดไม่ใช่ตัวรับที่ต้องเสี่ยงตัดเกมตัดฟาวล์อะไร ซ้ำประสบการณ์ก็มี ความเก๋าก็เยอะกว่า แถมสถานการณ์ ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้เสี่ยงมากมาย ยิ่งตัวอย่างนัดแพ้กาลาตาซารายก็ทนโท่อีก

จบครึ่งแรกเจอไล่ตี 2-2 บอกเลยห้องแต่งตัวโคเปนเฮเก้นร้อนเป็นไฟ คงจะคึกกันน่าดู เพราะถึงขั้นตีเสมอได้แล้ว จะกลัวอะไรแมนฯยูอีกล่ะครับ!!

สุดท้ายแมนฯยูจบที่แพ้ ก็ต้องรับสภาพกันไปคือบ๊วยกลุ่ม A

Group A (5 แมตช์)
บาเยิร์น มิวนิค : 13 คะแนน (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0)
โคเปนเฮเก้น : 5 คะแนน (ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 2)
กาลาตาซาราย : 5 คะแนน (ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 2)
แมนฯยูไนเต็ด : 4 คะแนน (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 3)

แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว!!ยังไงก็มีแต่ต้องไปกันต่อ

ซึ่งเงื่อนไขแมนฯยูต้องมี 2 อย่าง อย่างที่ 1 คือนัดสุดท้ายต้องชนะบาเยิร์นฯให้ได้เท่านั้น

คือแม้บาเยิร์นฯเข้ารอบไปแล้วก็จริง แต่ดีกรีคือทีมยักษ์ใหญ่

แล้วพอดีฟอร์มแมนฯยูบ้าๆบวมๆ อารมณ์เหมือนโยนเหรียญหัวก้อยถามฟอร์ม ณ วันนั้นๆด้วย ถ้าออกหัวฟอร์มดี ออกก้อยฟอร์มแย่

อย่างที่ 2 คือต้องไปลุ้นให้คู่โคเปนเฮเก้น(เจ้าถิ่น)กับกาลาตาซาราย ผลออกมาเป็นเสมอกันสถานเดียว ห้ามเป็นแพ้ชนะเด็ดขาด ไม่งั้นแต้มจะขาดจนไล่ไม่ทัน

แต่ทีมหนึ่ง (โคเปนเฮเก้น) เก่งในบ้าน อีกทีมหนึ่ง (กาลาตาซาราย) ก็แลกหมัดหมดไม่สนลูกใคร จะออกผลเสมอก็ไม่ง่าย

แน่นอนว่าเป็น 2 เงื่้อนไขที่ยากใช่เล่น แถมต้องให้เข้าล็อคแบบสมพงษ์กันเป๊ะๆอีก

แต่ถึงกระนั้นใช่ว่าจะไม่มี เพราะมุมไม่ได้แบบปิดตายระดับ 99% ซะหน่อย!! ยิ่งขึ้นชื่อว่าแมนฯยูไนเต็ด โอกาสแบบนี้ยิ่งต้องลุ้นไว้ก่อน ดุดันให้เต็มที่ไว้ก่อน

เพราะถ้านักเตะแมนฯยูเลือกที่ไม่กระหายแล้วล่ะก็!! เสื้อสีแดงที่ใส่ลงเล่นกันอยู่นั้นยังจะเหลือความหมายอะไร!?